หนุ่มเฮฮา กับชายหน้ามึน EP.2
เมื่อเขาทั้งสอง ต้องมาเผชิญหน้ากัน จะรู้สึกยังไง จะพูดคำไหน และจะเกิดอะไรขึ้น...
ผู้เข้าชมรวม
60
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“อ้าวว.. มาแล้วเหรอ” “กินข้าวมายัง” “มายังไงล่ะ” “รถติดหรือเปล่า มาทางไหนอ่ะ” “ตื่นกี่โมง” ... “ฯลฯ”...
“เอ่อออ... คือ... สวัสดีครับทุกคน” ก็เล่นถามรัวกันซะขนาดนี้จะให้กูตอบไงทันวะเนี้ย ไหว้เลยละกัน
“ก็นั่งรถเมล์มาทางถนนเพชรเกษม แล้วก็มาต่อรถที่บางยี่เรืออ่ะครับ รถไม่ค่อยติดเท่าไร” จริง ๆ ก็ติดอยู่นะ นี่เป็นครั้งแรกที่นั่งรถเมล์ ปกติที่ทำงานเก่านั่งแท็กซี่เอาเพราะมันใกล้ ผมกะเวลาไม่ค่อยถูก เลยทำให้มาเกือบสาย (ที่นี่เขาห้ามมาเกินเก้าโมงเช้า) ผมพูดไปมือก็เซนต์ชื่อเข้าทำงานไปพลาง ๆ เสร็จแล้วก็ไปนั่งโต๊ะของผมที่เมื่อวานได้นั่งไปแป๊บนึง... แล้ว... ทำไรก่อนดีอ่ะ ???
ครืดดดด...ปั้ง!!! เสียงกระแทกของประตูทำให้พอเดาได้ว่าคนที่เปิดมันคงรีบมาก ผมหันไปมองตามเสียงที่ดังมา ปรากฏว่า... ไอ้ ไอ้พี่หน้ามึน!!! มันไม่สนใจประตูที่มันเปิดกระแทกเลยคับ แต่กลับวิ่งไปที่สมุดเซนต์ชื่อ ผมเหลือบมองนาฬิกา อ๋อ แม่ง เก้าโมงกะอีกหนึ่งนาทีแล้วนิ มาสายเหรอเมิง... อิอิ
“โหห ไอ้ปอนนน มึงนี่สายเฉียดตายทุกวันเลยนะเมิง เดี๊ยวเหอะวิ่งหน้าตั้งได้ทุกวัน ระวังไข่ถลอกนะเมิง” เสียงป้าในห้องซึ่งผมยังไม่รู้จักชื่อตะโกนแซวมัน ซึ่งผมก็อดขำไม่ได้
“เออ ทำได้ไงวะ มาเก้าโมงกะอีกหนึ่งนาทีได้ตรงเป๊ะทุกวัน” เสียงลุงผู้ชายเสริม
ผมหันกลับไปมองมันที่กำลังก้มหน้าเซนต์ชื่ออยู่ แม่งไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านไรเลย แถมหน้ามึน หน้าเบลอ เหมือมเดิม ไม่พูดไม่จาไม่ตอบโต้อะไรกับใคร เสร็จแล้วมันก็ลุกขึ้นเดินไปเฉยเลย ผมก็มองตามมันไป
“อุ๊ย!!!!” เชี่ยยยย... แม่ง หันกลับมามองกูอีก
ไอ้พี่ปอน อยู่ดี ๆ ก็หันควับมามองหน้ากู กูตกใจหมด ไอ้เวรเอ๊ยย... ผมสะบัดหน้าหลบมันโดยอัตโนมัติกว่าจะหันกลับไปอีกครั้งมันก็หายไปแระ... เห้อ ไอ้บ้านิ ทำกูหลอนแต่เช้าเลยนะเมิง แต่... เอ้า อยู่ดี ๆ ผมก็รู้จักชื่อมันขึ้นมาซะงั้น ปอน พี่ปอน ไอ้ปอน ไอ้พี่ปอน เออ... ไอ้พี่ปอนดีกว่า ที่เรียกว่าพี่เพราะกูเห็นว่าเมิงหน้าแก่ ส่วนคำว่าไอ้ ฮึ ๆ กูจะเรียกเพราะมึงกวนตีนกู ห้า ๆ ๆ
สำหรับเช้าวันนั้นพี่นิดเรียกประชุมฝ่าย เพื่อแบ่งงานกันใหม่ ผมได้รับงานมาสองงานที่ต้องทำทั้งปี ดูเหมือนจะน้อยใช่ป่ะ แต่ไอ้สองงานนี้เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดของสำนักงานเลยนะ งานใหญ่ งานยาก และมีความเสี่ยงที่จะพลาดสูงมากกกก กูถึงว่าดิ เห็นกูเป็นน้องใหม่กันใช่ป่ะ ผลักงานยากให้กูเชียว
“ไม่ต้องห่วงนะ ที่พี่มอบงานนี้ให้เพราะเชื่อว่าเขตมีความสามารถ ทำได้อยู่แล้ว แต่ยังไงพวกเราก็จะไม่ทิ้งกันหรอก มีงานก็ช่วยกันทำ มีปัญหาก็ช่วยกันแก้” พี่นิดบอกหลังจากที่มอบงานมาให้แล้ว
“ใช่แล้ว เขตทำได้แน่นอน ได้ย้ายจากสำนักงานสาขามาอยู่สำนักงานใหญ่อย่างงี้ แสดงว่าไม่ธรรมดา พี่เป็นกำลังใจให้นะ” พี่โก้ เจ้าของงานคนเก่าเสริมให้กำลังใจ แต่ทำไมผมดูเหมือนแกแดกดันผมวะ
“อืม ยังไงเดี๊ยวเราก็ช่วย ๆ กัน มีไรให้ช่วยก็บอกนะ” พี่นัทเสริมอีกในขณะที่พี่ตุ้มก็พยักหน้าให้
“ครับ”.... เห้อออ เด็กใหม่หัดขับ เพิ่งย้ายมาทำงานวันแรกจะพูดไรได้มากกว่านี้วะ เออ เอาก็เอา
“แล้วสุดท้าย ก่อนปิดประชุม ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบนะครับ วันนี้ผอ.จะจัดเลี้ยงอาหารกลางวันพวกเราทั้งสำนักงานเลย เนื่องในโอกาสวันครบรอบก่อตั้งสำนักงาน แล้วก็ถือโอกาสเลี้ยงตอนรับเขตด้วยนะ ยังไงกลางวันนี้ก็รับประทานอาหารร่วมกัน แต่ก่อนไป รบกวนนัทพาเขตไปแนะนำให้ฝ่ายผลิตได้รู้จักด้วยนะ”
ผมเพิ่งรู้ตรงนั้นแหละครับว่า วันแรกที่ผมมาทำงานที่นี่ก็คือวันก่อตั้งสำนักงาน เออดีว่ะ จะได้จำง่ายดี แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานพี่นิดแนะนำให้รู้จักแค่สองฝ่าย ยังเหลือฝ่ายผลิตอีก แต่คราวนี้แกให้พี่นัทพาผมไปแทน ในระหว่างเดินกันไปนั้น ผมก็กระแซะเข้าไปคุยกับพี่นัท เพราะว่าดูท่าทางจะเข้ากันได้ไม่ยากและเพื่อสร้างความสนิทสนม หาพวกไง อิอิ
“พี่ เอ่อ พี่นัท”
“จ๊ะ ว่าไง”
“พี่อยู่ที่นี่เป็นไงบ้าง”
“ก็ดีนะ อยู่กะพี่นิดสบาย ๆ ชิว ๆ มีอะไรปรึกษาได้ทุกเรื่อง แต่ ผอ.เราอ่ะเข้มงวดไปหน่อย” จะพูดว่าดุก็พูดเหอะเพราะกูก็รู้สึกได้ ฮูยย ขนลุก
“แล้ว พี่โก้ กะ พี่ตุ้มอ่ะ” ผมถามถึงพี่อีกสองคนในฝ่าย
“ทั้งคู่ก็นิสัยดีนะ พี่โก้ก็เก่งมาก ปรึกษาได้ทุกเรื่องเหมือนกัน ส่วนพี่ตุ้มนี้ก็ชิว ๆ เรื่อย ๆ ไป ตามสไตล์ผู้ชายอ่ะ แล้วก็ชอบแข่งกันมาสายกะไอ้ปอน”
“ไอ้ปอน อ่ะ เอ่ออ... พี่ปอน”
“ก็ไอ้คนที่มันเปิดประตูเสียงดัง ๆ ตอนเช้าไงเล่า เนี่ยมันอยู่ฝ่ายผลิต เดี๊ยวไปถึงก็เจอ”
ฉิบหายแล้วไง แม่งอยู่ฝ่ายผลิตที่กูกะลังจะไปด้วย จะแอบถามพี่นัทว่ามันมีไรแปลก ๆ หรือเปล่าไอ้พี่ปอนเนี่ย ก็... ไม่ทันแล้ว ถึงห้องฝ่ายผลิตพอดี พี่นัทแม่งก็เปิดประตูเข้าไปไม่รอกูเลย
“พี่ ๆ ขา... วันนี้พาน้องใหม่รูปหล่อมาให้รู้จักกันค่า...”
ผมเดินเข้าไปในห้อง ทุกคนหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว บรรยากาศแม่งช่างเหมือนเมื่อวานซะเหลือเกิน กูเขิน กูเกร็ง กูเสียวไปหมดแล้วเนียยยยย...
“สวัสดีครับพี่ ๆ ทุกคน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ดัดจริตไปอีก กู...
“นั่นหัวหน้าฝ่าย ชื่อพี่โต้นะจ๊ะ ส่วนข้าง ๆ พี่รุ่ง คนนั้นพี่อ้อย นี่พี่เพ็ญ พี่อี๊ด แล้วก็พี่ป้อม ส่วนไอ้คนนี้ที่เราพูดถึงมันเมื่อกี้ ชื่อไอ้ปอนจ๊ะ” คือ... พี่นัทแม่งจะพูดไมวะว่าเราคุยเรื่องมันมาก่อน ยิ่งมีคดีอยู่กะมันด้วย แล้วชื่อมันอ่ะกูจำได้ตั้งแต่เช้าแระ ส่วนคนอื่น ๆ ก็... กูจำไม่ได้หรอกว่าใครเป็นใคร เยอะ!! ไว้วันหลังค่อยมาเล่นที่นี้แล้วก็จำไปทีละคนก็แล้วกัน
“เอ่อ... พี่ปอน หวัดดีคับ” คือมันอยู่ใกล้ไง ก็เลยไหว้มันแก้เขิน
“อืม” ....................??????
อืมเชี่ยไร ไม่มีใครสั่งสอนเหรอว่าเด็กไหว้ให้รับไหว้อ่ะ แล้วหน้าแม่งก็ มึนมากอ่ะ แม่งแบบ.. โหวววบรรยายไม่ถูก เอาเป็นว่ากวนบาทาสุดตรีนนนน เนี่ยเหรอ ประโยคแรก คำแรกที่มึงทักกู ไอ้สัส กูประทับใจมากกกก นับแต่นี้เมิงกะกูคงอยู่ร่วมโลกกันยากแระ พูดเลย!!! ผมยิ้มเจื่อน ๆ ใส่หน้ามันแล้วก็เริ่มใช้สายตามองมันแบบกวน ๆ กลับไปบ้าง ให้มันรู้ว่าไอ้สิ่งที่มึงทำอยู่อ่ะ กูก็ทำได้ ไงล่ะ เล่นกะใครไม่เล่น
“งั้น วันนี้ เดี๊ยวคงได้แนะนำและรู้จักกันอย่างเป็นทางการตอนกินข้าวกลางวันนะคะ ต้องขออนุญาตเอาน้องไปก่อน ต้องไปสอนงานกันอีกเยอออะเลยค่า....” ดีเลย พี่นัทตัดบทให้กูต้องออกไปจากห้องนี้ซะที ถ้าอยู่นานกว่านี้สงสัย มีต่อยอ่ะ ผมหันหน้ากลับไปยิ้มให้ทุกคนพร้อมกับยกมือไหว้อีกรอบ แล้วรีบหันหลังออกไปเพราะกลัวคนอื่นจะรู้ว่ากะลังอารมเสียกะใครบางคนแถวนั้น
ฮึ!!! ป่านนี้มึงคงนั่งสะใจอยู่ซินะ ที่ป่วนกูได้เนี่ย ไอ้เวรเอ๊ย....
และตลอดช่วงเช้านั้นผมก็รับแฟ้มงาน รับการสอนงานจากพี่ ๆ ดูไปดูมา คนที่นี่ก็น่ารักดี พูดเพราะ พูดน้อย ดูเรียบร้อยกันจัง ตรงข้ามกับผมโดยสิ้นเชิง ห้า ๆ ๆ แต่... ที่พูดว่าน่ารักเนี่ย ไม่รวมไอ้พี่ปอนนะ เว้นมันเอาไว้ ไอ้คนประเภทเนี้ยไม่ควรนึกถึงแม้แต่วินาทีเดียว
…จริง ๆ แล้วถ้านึกย้อนไปดี ๆ ก็เหมือนจะมีผมคนเดียวนะที่เป็นเอามาก ไอ้พี่ปอนมันยังไม่ได้ทำไรผมสักหน่อย พูดมันก็พูดกับผมแค่คำเดียว ที่เหลือก็แค่ถูกมันมองด้วยสายตากวนโอ๊ยอย่างที่บอก... แต่นั่นแหละครับเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความวุ่นวาย(ใจ) ทั้งหมดที่เกิดขึ้น...
ณ ภัตตาคาร... อาหารเที่ยง ทุกคนเข้าจัดแจงจับจองที่นั่งในโต๊ะอาหารเป็นของตนเอง ผอ.นั่งหัวโต๊ะ ไล่มาเป็นบรรดาหัวหน้าฝ่าย ต่อมาใครสนิทกะใครเขาก็ไปนั่งใกล้ๆกัน กูล่ะ กูมาวันแรก กูสนิทกะใคร?? เออ... ช่างแม่งเหอะ รอเขานั่งกันให้สมความปรารถนากันก่อนเหลือตรงไหน ตรงนั้นก็ที่กู ผมยืนรอจนเขานั่งเสร็จ และแล้วที่ว่างก็ปรากฏอยู่ท้ายแถวครับใช่แล้ว ตรงนั้นเหมาะสุดสำหรับเด็กใหม่อย่างผม ห้า ๆ ๆ ขำกลบเกลื่นความรู้สึกที่เหมือนโดนรับน้องยังไงไม่รู้ เพราะที่ตรงนั้นเป็นเหมือนโต๊ะเสริมที่เอามาต่อกับโต๊ะใหญ่อ่ะ แล้วผมก็ได้นั่งอยู่คนเดียว ไม่มีใครนั่งตรงข้าม ไม่มีใครนั่งคู่... อย่างงี้อาหารก็คงไม่ถึงโต๊ะกู แล้วจะแดรกกยังงายละพี่น้องงงง
ครืดดด.... ปั๊ง!!! เสียงเปิดประตู ทุกคนหันไปมอง อ้าว ไอ้ ๆ ๆ ไอ้เชี่ยยย..พี่ปอน
“อ้าว ปอน เพิ่งมาเหรอ ไป ๆ นั่งเป็นเพื่อนเขต นั่งตรงกันข้ามกันนั่นแหละ จะได้สั่งอาหารมาเพิ่มให้... น้อง ๆ เอาอาหารเพิ่มให้โต๊ะเสริมอีกชุดนึงนะ” ผอ.สั่งการไปยังเด็กเฝ้าร้าน
มาสายกระทั่งเวลาแดกเลยเหรอเมิงง แล้วอะไร!! คือไร นี่... นี่กูต้องนั่งกินข้าวมือแรกในที่ทำงานกะมันเหรอ... เชี่ยยเอ๊ยยยย มันเดินมานั่งตรงข้ามผมอย่างที่ผอ.สั่ง คราวนี้มันมองหน้าผม ใช้สายตาแบบผู้ชนะ มึง!! มึงจะเอาแน่ใช่ป่ะ ผมประกอบหน้าไม่ถูกเลยแม่งนั่งจ้องแบบนี้ ได้แต่หลบหน้าไปมาจนอาหารเข้ามาเสริฟ ... ทุกคนในห้องกินกันไปก็คุยกันไป ทั้งเสียงคุยและเสียงหัวเราะรวมกันแล้วดังพอ ๆ กับโรงอาหารเด็กมัธยมต้นเลย แต่ก็ดูเหมือนว่าโต๊ะเสริมของผมเท่านั้นที่บรรยากาศเงียบสงัด นั่งกันอยู่แค่สองคน ต่างคนก็ต่างกิน... เอ่อ กูต้องทำไรสักอย่าง เอาวะ เชื่อคำพระสักครั้ง เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
“เอ่อออ ผมชื่อเขตนะพี่ พี่ชื่อไรอ่ะ”
“รู้แล้วยังจะถาม” เอาแล้วไง ประโยคสองที่มึงพูด ประทับใจกูอีกแระ
“อ่อ พี่ปอน” คือ ที่กูถามอ่ะ แก้เขินเว้ย ไอ้สัสสส....!!!
ผลงานอื่นๆ ของ I-meng ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ I-meng
ความคิดเห็น